สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง, ผมร่วง, ศีรษะเถิก และศีรษะล้าน ไม่ว่าจะเป็นผมร่วงคืออะไร ศัลยกรรมปลูกผมคืออะไร มีเทคนิคแบบใดบ้าง ศัลยกรรมปลูกผมเหมาะกับใคร ข้อดี-ข้อจำกัดของการปลูกผมมีอะไรบ้าง ปลูกผม ราคาเท่าไร? พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนปลูกผมและหลังจากที่ปลูกผมเสร็จแล้ว รวมไปถึงตอบทุกคำถามที่คุณสงสัยเกี่ยวกับศัลยกรรมปลูกผม ทุกอย่างที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจปลูกผม
เคยไหม? หวีผมแล้วผมร่วงตามพื้นเหมือนในห้องมีคนอยู่ด้วยสักสิบคน ท่อในห้องน้ำตันบ่อยต้องคอยเก็บผมไปทิ้งทุกวัน เสยผมแล้วเห็นหนังศีรษะ หรือโดนทักว่าบริเวณกลางหัวเริ่มเห็นหนังศีรษะแล้ว หากคุณกำลังพบปัญหาเหล่านี้ หรือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะเถิก ที่คอยทำลายความมั่นใจและทำให้คุณเสียสุขภาพจิต อย่าเพิ่งหมดหวังหรือท้อใจไป ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วย “การศัลยกรรมปลูกผม”
อาจจะยังมีหลายคนที่มีความเชื่อว่าหัวเถิก หัวล้าน และผมบาง ไม่สามารถแก้ไขได้ ทำได้มากสุดแค่เพียงทำใจ แต่ความจริงแล้วปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ได้พัฒนาไปมากกว่าเดิม ซึ่งสามารถช่วยแก้ผมร่วง ผมบาง ศีรษะเถิก และศีรษะล้านได้ ด้วยการศัลยกรรมปลูกผมที่ต้องปรึกษาหาสาเหตุและเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการ
บทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับทางออกที่จะช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับมา สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง, ผมร่วง, ศีรษะเถิก และศีรษะล้าน ไม่ว่าจะเป็นผมร่วงคืออะไร ศัลยกรรมปลูกผมคืออะไร มีเทคนิคแบบใดบ้าง ศัลยกรรมปลูกผมเหมาะกับใคร ข้อดี-ข้อจำกัดของการปลูกผมมีอะไรบ้าง ปลูกผม ราคาเท่าไร? พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนปลูกผมและหลังจากที่ปลูกผมเสร็จแล้ว รวมไปถึงตอบทุกคำถามที่คุณสงสัยเกี่ยวกับศัลยกรรมปลูกผม ทุกอย่างที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจปลูกผม
ปลูกผม คืออะไร? คนผมร่วง ผมบางควรรู้ก่อนตัดสินใจปลูกผม
ศัลยกรรมปลูกผม คือ การนำรากผมบริเวณหลังศีรษะท้ายทอยและเหนือกกหู ที่มีความแข็งแรงและไม่ส่งผลต่อฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ที่ทำให้ผมร่วง ผมบาง และผมเส้นเล็กลง มาปลูกผมลงบริเวณที่มีปัญหาศีรษะล้าน, ศีรษะเถิก, ผมบาง รวมถึงผมร่วง และยังสามารถปลูกผมทับในบริเวณที่เป็นแผลเป็นได้อีกด้วย
โดยการศัลยกรรมปลูกผมสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผมบาง ศีรษะเถิก ศีรษะล้านได้ โดยผมที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการปลูกผมจะมีวงจรชีวิตเหมือนกับผมจริง ๆ สามารถร่วงและขึ้นได้ใหม่ บางคนจึงอาจเรียกการศัลยกรรมปลูกผมว่า “การปลูกผมถาวร”
การศัลยกรรมปลูกผมมีมาตั้งแต่ปี 1950 ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำมากขึ้น พร้อมทั้งยังมีเทคนิคที่หลากหลายมากกว่าเดิมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผมบาง ผมร่วงได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
เทคนิคในการปลูกผมมีกี่แบบ ?
เทคนิคการปลูกผมถาวรในปัจจุบัน จะเป็นวิธีย้ายเซลล์รากผมไปยังตำแหน่งที่พบปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งจะทำให้บริเวณที่ปลูกผมมีผมเพิ่มขึ้นมาเหมือนกับผมจริง ๆ และผมที่ปลูกสามารถเกิด หลุดร่วงได้ตามวงจรชีวิตของเส้นผมทั่วไป โดยเรียกวิธีรักษานี้ว่า การปลูกผมถาวร
ซึ่งในปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมถาวร มีทั้งหมด 2 เทคนิค ได้แก่ ปลูกผมถาวร FUT และ ปลูกผมถาวร FUE แต่ละเทคนิคจะมีข้อดี-ข้อจำกัดแตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
ปลูกผม FUT
การปลูกผมถาวร FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นเทคนิคที่ใช้มาตั้งแต่แรกเริ่ม และยังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เพราะมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านรุนแรง ซึ่งการปลูกผมแบบ FUT แพทย์จะตัดหนังศีรษะบางส่วนออกมาพร้อมกับรากผมจำนวนมาก จากนั้นนำไปแยกกอรากผมแต่ละกอออกจากกันด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง แล้วจึงนำไปปลูกลงบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการ
ปลูกผม FUE
การปลูกผมถาวร FUE (Folicular Unit Excision) เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีประสิทธิภาพสูง ไม่ก่อให้เกิดรอยแผลปลูกผม และใช้เวลาพักฟื้นน้อย ซึ่งการปลูกผม FUE แพทย์จะใช้เครื่องเจาะไฟฟ้าเจาะเอาเฉพาะกราฟผมออกมา โดยไม่มีการผ่าตัดเป็นชิ้นเนื้อเหมือนกับเทคนิค FUT แล้วจึงนำไปปลูกลงบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการ
ทั้งนี้ บางคนอาจจะเคยได้ยินเทคนิคการปลูกผมแบบ DHI, ปลูกผม Long hair FUE หรือ ปลูกผมผู้หญิง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในการโฆษณา เพื่อสร้างความแตกต่างและแปลกใหม่เพียงเท่านั้น
เทคนิคการปลูกผมที่ได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ หรือ ISHRS (The International Society of Hair Restoration Surgery) มีเพียงแค่ 2 เทคนิคเท่านั้น คือ เทคนิคการปลูกผม FUT และ ปลูกผม FUE